วันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

DTS03/12/07/52

สรุปการเรียน Lecture 3

เรื่อง Set and Sting โครงสร้างข้อมูลแบบเซ็ตจะเป็นโครงสร้างข้อมูลแต่ละตัวที่ไม่มีความสัมพันธ์กับภาษาซีแต่สามารถใช้หลักการดำเนินงานแบบเซ็ตมาใช้ได้ ตัวดำเนินการของเซ็ตนั้น จะประกอบไปด้วย

-set intersection

-set union

-set difference

โครงสร้างข้อมูลแบบสตริงจะแตกต่างไปจากโครงสร้างข้อมูลแบบเซ็ต คือ สตริงเป็นข้อมูลที่ประกอบไปด้วย อักษร ตัวเลข หรือเครื่องหมายต่างๆ ที่เรียงต่อๆ กันรวมทั้งช่องว่าง โครงสร้างแบบสตริงนั้น ความยาวของสตริงจะถูกกำหนดโดยขนาดของสตริง โดยขนาดของสติงนั้นจะต้องจองเนื้อที่ในหน่วยความจำให้กับ \0ด้วย

เช่น "This is the sun" จะเป็นข้อมูลยาว 16 อักขระ โดยจุดสิ้นสุดของ สตริงนั้นจะต้องจบด้วย \0 หรือ null character เช่น

char a[]={'s','u','n','\0'};

chsr a[]="sun";

ในการกำหนดโครงสร้างแบบสตริงนั้นทำได้หลายแบบ คือ กำหนดเป็นสตริงที่มีค้าคงตัวและกำหนดใช้ตัวแปร

อะเรย์หรือพอยเตอร์ ในการกำหนดค่าคงตัวสตริงสามารถกำหนดได้ทั้งนอกและในฟังก์ชันถ้าเรากำหนดไว้นอกฟังก์ชัน ชื่อค่าคงตัวจะเป็นพอยเตอร์ชี้ไปยังหน่วยความจำที่เก็บสตริงนั้น ถ้าเรากำหนดไว้ในฟังก์ชัน ก็จะเป็น พอยเตอร์ไปเก็บยังหน่วยความที่ตัวของมันเอง

โครงสร้างข้อมูลแบบสตริงในการกำหนดค่าคงตัวสตริงให้แก่พอยต์เตอร์กับอะเรย์สามารถกำหนดค่าคงตัวสตริงให้
พอยเตอร์อะเรย์ได้ในฐานะเริ่มต้น เช่น

main(){

char name[]="wisit.";

char *lastname="rinjan.";

printf("%s%s",name,lastname);

}

ถ้าหามีสตริงจำนวนมากก็ควรที่จะทำให้เป็นอะเรย์ของสตริง เพื่อที่จะเขียนโปรแกรมได้สะดวก ในการสร้างอะเรย์ของสตริง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น